เช็กให้ดีก่อนยื่นภาษี ปี 2566 นี้ ลดหย่อนอะไรได้บ้าง

เช็กให้ดีก่อนยื่นภาษี ปี 2566 นี้ ลดหย่อนอะไรได้บ้าง


ข้อควรรู้เกี่ยวกับการยื่นภาษี 2566

คนไทยทุกคนที่มีเงินได้เกิน 120,000 บาทต่อปี มีหน้าที่ต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่จะเสียภาษีหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเงินได้สุทธิของตนเอง ซึ่งคิดจากการนำเงินได้ทั้งปี หักค่าใช้จ่าย และหักลดหย่อนภาษีที่มีทั้งหมด โดยเงินได้ทั่วไป (เงินเดือน โบนัส หรือค่าจ้าง) สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 50% แต่ไม่เกิน 100,000 บาท

หากรายได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท ก็จะได้รับการยกเว้นภาษี แต่ถ้าเกินกว่านั้น ก็จะเสียภาษีในอัตราเริ่มต้น 5% และจะสูงขึ้นตามอัตราภาษีแบบขั้นบันได แต่รายการลดหย่อนภาษีจะช่วยทำให้รายได้สุทธิให้ลดลง จึงเสียภาษีน้อยกว่าคนที่ไม่มีรายการลดหย่อนภาษีเลย

กลุ่มส่วนตัวและครอบครัว

รายการพื้นฐานที่ใช้ลดหย่อนภาษี 2566
1. ลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
2. คู่สมรส 60,000 บาท
  • คู่สมรสที่จดทะเบียนตามกฎหมายกำหนด
  • คู่สมรสเป็นผู้ไม่มีเงินได้ปีนั้น หรือรวมยื่นแบบ
3. บุตร คนละ 30,000 บาท (คนที่ 2 ขึ้นไป เกิดตั้งแต่ปี 2561 ลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท)
  • เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือบุตรบุญธรรมที่จดทะเบียนรับเป็นบุตรบุญธรรมแล้ว
  • อายุไม่เกิน 20 ปี หรือ อายุไม่เกิน 25 ปีกรณีกำลังศึกษาอยู่ หรืออายุเกิน 25 ปีแต่เป็นบุคคลไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ
  • มีเงินได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี และต้องอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของผู้มีเงินได้
  • บุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย ลดหย่อนตามจำนวนบุตรจริง บุตรบุญธรรม ลดหย่อนคนละ 30,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 3 คน
4. ค่าเลี้ยงดูบิดามารดาของตนเองและคู่สมรส คนละ 30,000 บาท รวมไม่เกิน 120,000 บาท
  • บิดามารดาอายุ 60 ปี ขึ้นไป มีเงินได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี และต้องอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของผู้มีเงินได้
  • ต้องมีหนังสือรับรองการหักลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา (แบบ ล.ย.03)
  • ห้ามใช้สิทธิลดหย่อนซ้ำระหว่างพี่น้อง
5. ค่าเลี้ยงดูผู้พิการหรือบุคคลทุพพลภาพ คนละ 60,000 บาท
  • ผู้พิการต้องมีเงินได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี
  • กรณีผู้พิการ ต้องมีบัตรประจำตัวผู้พิการ
  • กรณีผู้ทุพพลภาพ ต้องมีหนังสือรับรองจากแพทย์ว่าเป็นผู้ทุพพลภาพ
  • ต้องมีหนังสือรับรองการเป็นผู้อุปการะ (แบบ ล.ย. 04)
  • กรณีผู้พิการหรือทุพพลภาพ เป็นบิดา มารดา บุตร หรือคู่สมรส สามารถใช้สิทธิลดหย่อนตามสถานะได้ทั้งส่วนนั้น และลดหย่อนในฐานะผู้พิการหรือทุพพลภาพอีกส่วน
6. ค่าฝากครรภ์และคลอดบุตร หักลดหย่อนได้ตามจริง แต่เมื่อรวมกับสิทธิสวัสดิการจากภาครัฐหรือภาคเอกชนที่ผู้มีเงินได้และคู่สมรสได้รับแล้ว ต้องไม่เกิน 60,000 บาท

กลุ่มประกันและลงทุน
1. ประกันชีวิต และประกันสะสมทรัพย์ หักลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
  • ต้องมีระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป ทำประกันกับบริษัทประกันชีวิตในไทย
  • กรณีเวนคืนกรมธรรม์ก่อนครบ 10 ปี จะถือว่าผิดเงื่อนไข
2. ประกันสุขภาพ หรือประกันอุบัติเหตุที่คุ้มครองสุขภาพ หักลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 25,000 บาท
  • เมื่อรวมกับประกันชีวิตและประกันสะสมทรัพย์แล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท
3. ประกันสังคม หักค่าลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 9,000 บาท
4. ประกันสุขภาพบิดามารดา หักลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท
  • บิดามารดา มีเงินได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี
  • ไม่ต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไปก็ได้
5. ประกันชีวิตแบบบำนาญ หักลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท
  • ต้องมีระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป ทำประกันกับบริษัทประกันชีวิตในไทย
  • มีการจ่ายผลประโยชน์เป็นรายงวดอย่างสม่ำเสมอ และต้องกำหนดช่วงอายุของการจ่ายเมื่อผู้มีเงินได้อายุตั้งแต่ 55-85 ปีขึ้นไป
6. กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) หักลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
  • ต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี นับแต่วันซื้อครั้งแรก และไถ่ถอนเมื่ออายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์
7. กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) หักลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท
  • ต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 10 ปี นับแต่วันซื้อครั้งแรก
8. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) หักลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 15% ของค่าจ้าง สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
9. กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) หรือ กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน หักลดหย่อนได้ตามจริง สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
10. กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) หักลดหย่อนได้ตามจริง (ปัจจุบันคือ 30,000 บาท) สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
หมายเหตุ : ประกันชีวิตแบบบำนาญ + RMF + SSF + PVD + กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน + กบข. + กอช. รวมกันทั้งหมดต้องไม่เกิน 500,000 บาท
11. เงินลงทุนธุรกิจ Social Enterprise (วิสาหกิจเพื่อสังคม) หักลดหย่อนได้ตามจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท

กลุ่มเงินบริจาค
1. เงินบริจาคเพื่อการศึกษา การกีฬา และสถานพยาบาลของรัฐ ลดหย่อนได้ 2 เท่า สูงสุดไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อนอื่น
  • กรณีบริจาคเพื่อการศึกษาและการกีฬา หักลดหย่อนได้ 2 เท่า ต้องบริจาคผ่านระบบ e-Donation มิฉะนั้นจะหักลดหย่อนได้เพียง 1 เท่า
2. เงินบริจาคทั่วไป ลดหย่อนได้ 1 เท่า สูงสุดไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อนอื่น
3. เงินบริจาคให้กับพรรคการเมือง ลดหย่อนสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท เริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค. 2561 เป็นต้นไป

กลุ่มกระตุ้นเศรษฐกิจ
1. ช้อปดีมีคืน หักลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 40,000 บาท
  • ซื้อสินค้าและบริการในประเทศ มีหลักฐานใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษีแบบกระดาษ ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30,000 บาท กรณีใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี อิเล็กทรอนิกส์ ลดหย่อนได้เพิ่มอีก 10,000 บาท รวมเป็น 40,000 บาท
  • ต้องเป็นสินค้าและบริการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สินค้า OTOP และสินค้าหมวดหนังสือ (รวมถึง E-Book)
  • ต้องเป็นค่าสินค้าหรือค่าบริการ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 15 ก.พ. 2566
2. ดอกเบี้ยกู้ยืมเพื่อซื้อหรือสร้างที่อยู่อาศัย หักลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท

ขอบคุณที่มาจาก : www.scb.co.th
 172
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์