เนื่องจากปัจจุบันบัตรเครดิตมีความสำคัญอย่างมาก เป็นตัวช่วยเพิ่มอิสระทางการเงินอีกทางหนึ่ง มีความสะดวกสบายทำให้จับจ่ายสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ตก็ทำได้ง่ายๆ อีกทั้งยังมีโปรโมชันแลกแต้ม ส่วนลดสินค้าจากร้านอาหาร สายการบิน และโรงแรม
สิ่งที่น่าปวดหัวมากที่สุดของคนที่กำลังจะมีบัตรเครดิตใบแรกก็คือ การเลือกบัตรเครดิตว่าควรจะเลือกอย่างไร เลือกแบบไหนถึงจะตรงใจที่สุด
นี่คือ 5 เทคนิคช่วยเลือกบัตรเครดิตที่เหมาะกับตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อยากจะมีบัตรเครดิตใบแรก
ดูความสามารถในการชำระหนี้
ถ้าหากคิดจะมีบัตรเครดิตใบแรก สิ่งที่เน้นย้ำมากที่สุดคือ ความสามารถในการชำระหนี้ค่ะ เพราะดอกเบี้ยของบัตรเครดิตนั้นถือว่าสูงมาก อยู่ในช่วงเฉลี่ยราวๆ 18 เปอร์เซ็นต์ ถ้าหากเรามีภาระหนี้ที่สูงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ร่วมกันอยู่นั้น ถ้าหากจะมีบัตรเครดิต แนะนำว่าต้องรวมยอดหนี้ไม่เกิน 65 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือนค่ะ เพราะไม่งั้นแล้วถ้าเกินกว่านี้อาจทำให้ชีวิตของเราเริ่มลำบากแล้วล่ะค่ะ
ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกข้อกำหนดว่าถ้าหากรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท จะมีวงเงินของบัตรเครดิตไม่เกิน 1.5 เท่าของเงินเดือน และวงเงินเพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น ฉะนั้นแล้วถ้าหากคนที่มีหนี้สินสูงอยู่ โอกาสที่จะขอบัตรเครดิตใบแรกอาจยากสักหน่อยค่ะ
วิเคราะห์พฤติกรรมการใช้จ่ายของเรา
สิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกบัตรเครดิตของเราคือ ต้องดูว่าพฤติกรรมเราใช้จ่ายแบบไหน ถ้าหากเราใช้จ่ายในห้างสรรพสินค้าบ่อย ก็อาจเลือกทำบัตรเครดิตที่จับมือกับห้างสรรพสินค้านั้นๆ เนื่องจากสิทธิประโยชน์อาจเยอะกว่า โดยอาจจะได้ส่วนลด 5 เปอร์เซ็นต์ หรือผ่อน 0 เปอร์เซ็นต์ได้นานกว่าบัตรเครดิตของเจ้าอื่น เป็นต้น
ถ้าหากเป็นผู้ที่เดินทางบ่อย บัตรเครดิตที่เกี่ยวข้องกับสายการบินและโรงแรม อาจทำให้เราใช้สิทธิประโยชน์ตรงนี้ได้คุ้มค่าค่ะ เพราะถ้าหากเราเดินทางบ่อย หลายสายการบินสามารถนำแต้มมาแลกเป็นตั๋วเครื่องบินได้ ทำให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายไปพอสมควร แต่ถ้าหากเน้นการใช้จ่ายล้วนๆ ไม่เน้นโปรโมชัน คิดว่าบัตรเครดิตที่คืนเงิน 1 เปอร์เซ็นต์ทุกการใช้จ่ายก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ไม่เลวค่ะ
สอดส่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ของบัตรเครดิตและอัตราดอกเบี้ย
หลังจากที่เราศึกษาบัตรเครดิตของผู้ให้บริการไปบ้างแล้ว คราวนี้สิ่งที่เราต้องสนใจเป็นเรื่องต่อไป นั่นคือ เรื่องของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับบัตรเครดิตค่ะ ซึ่งสถาบันการเงินหลายแห่งได้เรียกเก็บโดยมีเงื่อนไข เช่น บัตรเครดิตบางใบอาจต้องใช้จ่ายให้เกิน 50,000 บาทต่อปี ถึงจะไม่เก็บค่าใช้จ่ายของบัตรเครดิต แต่บางบัตรเองอาจใช้จ่ายเท่าไรก็ได้ และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายรายปีครับ
นอกจากนี้ยังมีค่าธรรมเนียมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ค่าธรรมเนียมในการออกบัตรเครดิตใหม่ ถ้าหากเราทำบัตรสูญหาย ค่าสมัครบัตรเครดิต ซึ่งสถาบันการเงินบางแห่งคิดค่าธรรมเนียมตรงนี้ ในกรณีที่บัตรนั้นไม่ได้อยู่ในช่วงโปรโมชันสมัครฟรี รวมถึงค่าธรรมเนียมในการชำระหนี้ล่าช้ากว่ากำหนด ค่าธรรมเนียมในการทวงถามหนี้ ค่าออกเอกสาร หรือกระทั่งค่าธรรมเนียมในการกดเงินสด
อีกเรื่องที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันคือ อัตราดอกเบี้ยของบัตรเครดิตที่เราสมัครนั้นมีอัตราดอกเบี้ย และถ้ารวมค่าธรรมเนียมต่างๆ แล้วอยู่ที่เท่าไร รวมถึงระยะปลอดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งบัตรเครดิตแต่ละใบอาจไม่เหมือนกัน ต้องตรวจสอบเงื่อนไขเหล่านี้ให้ดีค่ะ แม้ว่าบัตรเครดิตจากสถาบันการเงินเดียวกัน แต่เงื่อนไขแต่ละอย่างจะแตกต่างกันไปค่ะ
ช่องทางการชำระหนี้บัตรเครดิตสะดวก เหมาะสมกับเราหรือไม่
เรื่องหนึ่งที่อยากจะให้ตรวจสอบก่อนสมัครบัตรเครดิตก็คือ ช่องทางการชำระเงินของบัตรเครดิตที่เรากำลังจะสมัครนั้นสามารถชำระเงินที่ช่องทางใดบ้าง ถ้าหากเป็นบัตรเครดิตของสถาบันการเงินเจ้าใหญ่ ช่องทางของการชำระเงินนั้นอาจมีมากกว่า และยังไม่เสียค่าธรรมเนียมอีกต่างหาก แต่ถ้าเป็นสถาบันการเงินรายเล็ก แม้ว่าคุณสมบัติของบัตรเครดิตนั้นจะดีเพียงไร หากช่องทางในการชำระเงินสร้างความลำบากให้เราเวลาชำระหนี้ บัตรเครดิตใบนั้นก็อาจไม่เหมาะสมกับเราเท่าไร
โชคดีว่าในยุคปัจจุบันการชำระบัตรเครดิตนั้นสะดวกสบายมากขึ้นหลายช่องทาง เช่น ผ่าน E-Wallet ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ทำให้การชำระหนี้นั้นสะดวกมากขึ้น แต่ก็ต้องตรวจสอบว่าช่องทางการชำระเงินดังกล่าวนั้นตรงกับที่เราใช้งานกับแพลตฟอร์มต่างๆ หรือไม่ด้วยค่ะ
โปรโมชันของบัตรเครดิตแต่ละใบ
ประเด็นสุดท้ายที่จะไม่พูดถึงก็กระไรอยู่ค่ะ คือเรื่องของโปรโมชันของบัตรเครดิต ที่แต่ละสถาบันการเงินแต่ละแห่งนำมาเสนอให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการจับมือกับห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีกที่อาจมีโปรโมชันส่วนลดสำหรับผู้ถือบัตรเครดิตอย่างที่ได้กล่าวไป แต่โปรโมชันอื่นๆ ก็เช่น รับประทานอาหารที่ร้านอาจมีส่วนลดให้กับผู้ถือบัตรเครดิตของสถาบันการเงินนั้นๆ เช่น ส่วนลด 15 เปอร์เซ็นต์ ส่วนลดพิเศษเมื่อจ่ายผ่านบัตรถูกกว่าการจ่ายเงินสด หรือมีแถมเมนูพิเศษให้เฉพาะผู้ถือบัตรเครดิตนั้นๆ ไปจนถึงสิทธิพิเศษที่จะเข้าเลาจน์ในสนามบิน ดูหนังฟรีได้เดือนละกี่ครั้ง จนไปถึงถ้าหากมีการจับจ่ายจนถึงเป้าของบัตรเครดิตก็อาจนำไปแลกเป็นของรางวัลต่างๆ ได้ จำพวกตั๋วเครื่องบิน ส่วนลดร้านค้า เป็นต้น
สำหรับเรื่องของโปรโมชันของบัตรเครดิตนี้ อยากให้คิดเป็นปัจจัยสุดท้ายในการเลือกบัตรเครดิตเลยค่ะ คิดซะว่าเป็นเหมือนของแถม ทำให้เราได้ใช้ประโยชน์จากมันมากขึ้นค่ะ แต่อย่าลืมนะค่ะ เพราะบางบัตรที่มีโปรโมชันดีๆ ในเงื่อนไขบัตรเครดิตนั้นจะต้องเสียค่าธรรมเนียมรายปีก็มีค่ะ
การเลือกบัตรเครดิต ควรจะใช้เวลาพิจารณาพอสมควรค่ะ แต่ปัจจุบันการเปรียบเทียบบัตรเครดิตแต่ละใบถือว่าง่ายขึ้นมากกว่าเดิมค่ะ เพราะว่าปัจจุบันธนาคารแห่งประเทศไทยได้เปิดเว็บไซต์เปรียบเทียบข้อมูลของบัตรเครดิตแต่ละใบว่ามีเงื่อนไข ระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย รวมถึงค่าธรรมเนียมของบัตรเครดิตนั้นๆ ว่ามีหรือไม่ ในเว็บไซต์ www.1213.or.th
นอกจากนี้อีกเรื่องที่คิดว่ามีความสำคัญไม่น้อยคือไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิตแต่ละคนนั้นแตกต่างกันไป การที่ถามเพื่อนว่าใช้บัตรเครดิตจากสถาบันการเงินไหนอยู่ หรือดูจากบล็อกเกอร์ในอินเทอร์เน็ตแนะนำมา ก็อาจไม่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของเราค่ะ ฉะนั้นแล้วถ้าหากอยากจะทำบัตรเครดิตจริงๆ เราควรจะหาข้อมูลด้วยตัวเองจะตอบโจทย์มากที่สุดค่ะ
สุดท้ายนี้หวังว่าแต่ละคนจะเลือกบัตรเครดิตให้เหมาะสมกับตัวเอง และอย่าตกเป็นหนี้บัตรเครดิตค่ะ
ขอขอบคุณที่มาจาก : https://plus.thairath.co.th